1.เลือก Nich ของเราก่อน
ว่าศาสตรเฉพาะเจาะจงที่เราจะเขียนถึงคืออะไร
หรือธุรกิจของเราคืออะไร
เราไม่จำเป็นต้องเป็นexpert ทางด้านนี้ในตอนเริ่มก็ได้
โดยส่วนตัวผมมองว่า Site/web/blog ของเราเป็นที่ปล่อยของผู้ที่เป็น expert อยู่แล้วในด้านใดด้านหนึ่ง
อย่าง Gary Vee จาก Winelibrarytv.com
niche=ให้ความรู้เรื่องไวน์
blog ของเค้าพูดทุกอย่างเกี่ยวกับไวน์ การดื่มการจับแก้ว การเลือก โดยไม่พูดซักคำว่าขายไวน์
แต่ยอดขายไวน์ ที่ร้านของครอบครัวทะลุกว่าหลักร้อยล้านต่อปี
เขาใช้กลยุทธ Content marketing ไม่ใช้ hard core sell marketing
เขาให้คุณค่ากับผู้อ่าน
เขาได้อยู่ในใจของผู้อ่าน
หากแม้นผู้อ่านมีความคิด อยากได้ไวน์
ย่อมต้องนึกถึงเค้าเป็นคนแรก
“ปซื้อที่ร้านของเค้าครับ
หรือ
จะมองว่า Blog เป็นที่รวบรวม วิทยานิพนธ์ ของเรืองที่เราต้องการศึกษาเพื่อจะเป็น expert ต่อไป
จากนั้น
เราจะสามารถ list รายการหัวข้อของบทความภายใต้ Nich นี้ออกมาได้ว่า
1.*เรารู้อะไรบ้าง และ
2.*เราไม่รู้แต่อยากรู้เรื่องอะไรบ้าง ไปหาข้อมูบมาประกอบการเขียน
เพื่อใช้ไปสร้างบทความในหัวข้อ ต่อๆไป
2.คิดชื่อโดเมนกันเถอะ
หลังจากได้Nich จากข้อที่1.มาแล้วต่อไปเราจะออกแบบชื่อโดเมนออกมาไดง่ายกว่า. ้ จาก Nich ที่เราเลือกแล้ว เช่น ถ้า nich ของเราคือ รักการปั่นจักรยาน
เราจะไได้ชื่อโดเมนออกมาประมาณว่า
bicyclelover.com ,
cyclingwithme.com
onbicycle.com,
bicyclejournal.com,
bicycleplanet.com,
bicylcleonEarth.com
rideBicycleinThailand.com
เป็นต้น เพื่อจะนำไปจดจอง Domain name ในขั้นตอนการเป็นเจ้าของBlog เป็นของตนเองต่อไป
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ขอบชื่อไหนเลย
อยากให้มีชื่อตัวเองอยู่ในโดเมนจะได้ไหม
ดีเลยครับ แต่แนะนำว่าชื่อโดเมนเนม ไม่ควรยาวมากจนยากที่จะจำได้
ถ้านึกอะไรไม่ออก+มีเนื้อหาที่จะเขียนเยอะมาก
แต่ไม่ชอบชื่อไหนเลย
ท้ายที่สุดให้ใช้ชื่อตัวเองไปเลยครับ เพราะจะช่วยส่งเสริมเรื่อง Personal brand ได้ด้วย
อย่างblog ของผมก็ใช่ชื่อตัวเองไปเลย ได้เรื่อง Personal brand ไปในตัว
ด้วยชื่อ ผมเอง
watcharapong.net
blogger ระดับโลกอย่าง John chow แห่ง Johnchow.com
ตอนได้ลูกสาว ไม่ได้เพียงแต่สนใจว่า ชอบชื่อไหนเท่านั้น
แต่
ยังต้องดูด้วยว่า
ชื่อลูกสาวของเค้ามีใครนำมาจดชือเป็นเจ้าของ โดเมนเนมนี้แล้วหรือยัง
จึงค่อยจดโดเมนเนมจองไว้ก่อนเลย
แล้วค่อยมาตั้งชื่อลูกสาวตามโดเมนนั้น
ซึ่งได้ชื่อมาว่า http://www.sallychow.com คลิกเข้าไปดูได้ครับ
การใช้ชื่ของเราเองก็ดีในแง่ที่ว่า เราจะเปลี่ยน nichที่จะเขียนได้เรื่อยๆ
เพราะbrand
ได้ติดตัวเราไปตลอดแล้ว
ยึดมั่นใน Nich เดียวให้นานพอ
แล้วค่อยเปลี่ยน
ไม่ใช่ขยันเปลี่ยนทุกเดือนแบบนี้ไม่ใช่การสร้างแบรนด์ที่ดี
นิยามเรื่อง ผลของการสร้างแบรนด์ ที่ดีคือ
การได้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้สำเร็จ
ยามเมื่อผู้บริโภคนึกถึงสินค้าและบริการจะนึกถึงเราเป็นอันดับแรกๆจนเกิดเป็น
…..ความภักดีต่อแบรนด์…..
เหมือนที่ Gary vee ทำ
3.เลือกBusiness model
ว่าจะเป็น Site/web/blog แบบไหนระหว่าง
เป๊น
1.A Resources site
ที่รวบรวมและให้ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Nich ในข้อ1.
.
หรือ
.
2. A Review site
ที่แชร์ประสบการณ์ การได้ทดลองและผลลัพธ์พึงมีพึงได้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนิชใน ข้อ1.
.
หรือ
.
รวมทั้งสองอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เพราะ Site/web/blog ของเราของเราเอง ทำไรก็ได้
แต่ไม่มั่วนะ เป็นหลักไว้ซักแบบจะดีกว่า
เพราะเมื่อผู้อ่านงง เค้าจะไม่กลับมาอีก
4.หาPotential keyword ผ่านGoogle key word
ผ่าน google keyword tool
นำ keyword ที่มีผู้คนนิยมใช้ค้นหาบ่อยๆ
เพราะเมื่อเขียนบทความต้องมี Keyword อยู่ในบทความของเราแล้ว
เมื่อมีคนสืบค้นจากgoogle
จะชี้มาที่ Site/web/blog ของเรา …เป็นการเพิ่มโอกาสการถูกค้นพบผ่าน google
ยกตัวอย่างเช่น
Potential keywordที่เราได้มาคือคำว่า รองเท้าวิ่ง
รองเท้าวิ่ง มีคนค้นหา กว่าสองหมื่นครั้งต่อเดือน
ถ้าเราติด Affiliate link ของสินค้า รองเท้าวิ่งใน Site/web/blog ของเราที่มี Nich คือชวนคนให้ออกมาวิ่งกัน
โอกาสที่จะมีคนซื้อผ่านAffiliate link ของสินค้า รองเท้าวิ่งใน Site/web/blog ของเราได้จะสูงมากกว่า คำว่า รองเท้าหนัง(ที่มีการใช้คำ”รองเท้าหนัง”นี้ค้นหาแค่สองพันครั้งต่อเดือน)แน่ๆ
5.ประเมินการแข่งขันด้าน SEO.
ผ่าน Google trend
สินค้าตัวไหนที่มีการสืบค้นผ่านGoogleบ่อยๆและเกี่ยวข้องกับ nich ของเราด้วย
ให้กล่าวถึงสินค้านั้นและชวนผู้อ่านไปซื้อ เพราะโอกาสขายได้สูงกว่าเช่นกัน
เหตุผลเดียวกับข้อสองแต่สำคัญตรง..เกี่ยวข้องกับ nich ของเราด้วย
6.ทยอยสร้างบทความ/contents ที่แตกต่างจากคนอื่น หรือที่คนอื่นทำไม่ได้
เตรียมไว้ซัก25-50 บทความ(ให้มี potial keywordอยู่ในบทความและสอดคล้องกับ Google trendและ Key word และnich ของเรา)ก่อนโพสลงไปใน Site/web/blog ของเรา
เพราะ bot จาก googleจะเข้ามาเก็บข้อมูลใน Site/web/blog ของเราก่อนใคร
โดยการทำงานผ่าน google fresh algorithm และ google unique algorithm
เพราะถ้าSite/web/blog ของเรา มีบทความเพียงเล็กน้อย จะไปบอกกับใครก็คงจะดูไม่ดี เสียฟอร์มเปล่าๆด้วยนาาาาาาา
ถามว่าบทความหนึ่งๆควรมีความยาวเท่าไร
ผมแนะว่า
อย่างน้อนซักครึ่งกระดาษเอสี่ขึ้นไป กำลังดีครับ
และยิ่งมีจำนวนบทความที่มากกว่า
จะยิ่งได้เปรียบด้านSEO.ด้วยครับ
เพราะ
Content is King..ในยุค5Gนี้ครับ
7.หา Affiliate Partner ที่เราจะเข้าร่วม
-เริ่มจากซักหนึ่งที่ก่อน ในไทยคือ Lazada.co.th เริ่มที่พิจารณาสินค้าเพียง หนึ่งหรือสองชนิดก่อน
-หลังจากยอดผู้ชมโดยเฉลี่ย มากกว่า 300 คน/วัน แล้วค่อยพิจารณาเพิ่มแหล่งAffiliate Partnerที่สองหรือสามต่อไป ของอย่างนี้ต้องใช้เวลา เว้นแต่ Nich ของเราเป็นที่ต้องการของผู้ชมสูงปรี๊ด ยอดผู้ชมจะสูงมากๆ
– หลังจากยอดผู้ชมมากกว่า 300คน/วัน แล้วค่อยพิจารณาเพิ่มช่องทางทำเงินอื่นเพิ่มอีก เพราะใครๆต่างก็ชอบ…..เงินที่เพิ่มขึ้น
เช่น ติด ppc(Pay per click)อย่าง Google adsense,yengo ลงใน Site/web/blog ของเรา
8.ลงมือสร้าง site/web/blog ด้วย Word Pressได้แล้ว
ง่ายมาก
ขั้นตอนนี้ทำครั้งเดียว ใช้ได้ตลอด
(**อ่าน;วิธีการขั้นตอนได้จาก ebookที่ ใต้บทความนี้)
9.ทยอยลง25บทความแรกใน Site/web/blog ของเราก่อนเลย
10..ติดตั้งตัวชี้วัดจำนวนผู้ชม(Traffic)ใน Site/web/blog ของเราตั้งแต่เริ่มออนแอร์เพื่อเฝ้าดูพัฒนาการว่าเรากำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องหรืไม่ หรือต้องปรับปรุงอย่างไรดี ถ้าถูกทางแล้วtraffic ควรมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น
11.ค่อยๆสร้างBrand+ให้คุณค่าไปยังผู้อ่าน
ผ่านการลงบทความที่มีประโยชน์กับผู้อ่าน รวมถึงการโปรโมทบทความของเราผ่านช่องทางต่างๆด้วย โดยทยอยสร้างบทความเตรียมไว้ เพิ่มขึ้น
ซัก3-5บทความต่อสัปดาห์(เป็นตัวเลขที่กำลังดี)
จากนั้นให้ทยอยลงบทความ 2-7บทความ/สับดาห์ ทุกสัปดาห์ อย่าได้ขาดแม้สัปดาห์เดียว
หรือ
ลงบทความล่วงหน้าเป็น 2-3เดือนเมื่อมีจำนวนบทความที่มากพอแล้ว(WordPress สามารถตั้งเวลาโพสล่วงหน้าได้ด้วย)เพื่อจะได้มีเวลาพักหรือไปหาาข้อมูลเพิ่มเติมมาเขียนบทความใหม่ๆต่อไปได้ในอนาคต
12.ขับเคลื่อนTrafficโดยค่อยๆเพิ่มจำนวนผู้ชม ไปยังหน้าของบทความที่มี affiliate program อยู่ภายใน
ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และ แบบเสียเงิน
แบบฟรีคือการทำ seo ใน Site/web/blog ของเราเพื่อดึงดูดbot จากgoogleให้เข้ามาเก็บข้อมูลและจัดอันดับให้เราอยู่เหนือกว่าเว็บอื่นๆ
(**อ่านบทความนี้ประกอบ
=..เทคนิคฟรีที่ผมใช้โปรฌมท บทความผ่าน เฟสบุค..)
แบบเสียเงินก็เช่น
ลงโฆษณากับ Google Adword
ลงโฆษณากับ facebook ads ซึ่งกรณีนี้ต้องมี facebook fan page มาก่อนแล้ว
13.ตามติดสินค้าจำพวกสินค้าที่ก่อให้เกิดรายได้แบบที่เกิดขึ้นประจำ หรือทำเงินให้กับเราได้บ่อยๆ โดย
ค่อยๆจับข้อมูลโดยมองหา กลุ่มสินค้าหรือสินค้าเดี่ยวๆที่น่าจะก่อให้เกิดรายได้แบบที่เกิดขึ้นประจำ …แล้ว..โฟกัสที่สินค้านั้น
เพราะ
นี่คือเหมืองทองของเราในโลกออนไลน์ที่ได้จากค่านายหน้าออนไลน์ (Affiliate Program)พบแล้วฉลองเล็กๆได้แล้วน่ะ
14.ทำซ้ำข้อ11. – 13.ไปเรื่อยๆ หากเรามาถูกทางแล้ว
ทำงานเดิมๆเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนบทความที่มี Potential keywordแยู่ภายในให้เกี่ยวข้องกับNichไปเรื่อยๆแต่รายได้เพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อย ก็คงระดับไว้ได้
ในระดับหนึ่งได้
ก็ไม่เลวแล้ว
ให้ขยายส่วนแบ่งการตลาดและทำเงินเพิ่มไแเรื่อยจนพอใจครับ
-ขอบคุณสำหรับการติดตามและกลับเข้ามาอีกครั้งครับ-
====================Ads ===================
บัตรเครดิตใบแรกที่ผมมีคือ…..บัตรเครดิตcity.bank
หลังจากทำงานไปหลายปี
มีบัตรเครดิตเพิ่มอีกหลายใบ
ต่อมาค่อยๆทยอยยกเลิกไป
จนในที่สุดบัตรเครดิตสุท้ายที่เหลืออยู่คือบัตรเครดิตcity.bank
สนใจสมัครบัตรเครดิต…สมัครกับcityBankนะครับ
..ผมใช้แล้วว่าดีกว่า…
…กดรูปด้านล่างเพื่อขอสมัครใช้บัตรกดเงินสดcity.bankครับ