Google สร้างเม็ดเงินอย่างไรทำไมรวยนักฮึ

Google สร้างเม็ดเงินอย่างไรทำไมรวยนักฮึ

++++++++++++++++

เคยสงสัยกันไหมว่าอะไรๆจากgoogle มักให้เราได้ใช้ฟรีทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็น

* Search enagine/ช่องค้นหา ฟรี

* Gmail ฟรี

* Note online / Google Keep ฟรี

*Folder / Google Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรีออนไลน์

” อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้ใช้บริการฟรีใดๆจาก google เลย( สำนวน RETRO มาก)”

คำถามคือ

มีแต่ให้ฟรีมากมายขนาดนี้ ผู้ก่อนตั้งและพนักงานGoogleร่ำรวยมีเงินเดือนใช้ได้อย่างไร

เงินเข้าGoogle มาตั้งมากมายมาจากไหน ?

มาได้ยังไง ?

ทำไมหุ้น Google มีมูลค่าสูง ระดับแนวหน้าในอันดับโลกได้

ได้ไง เงินเข้าgoogle เยอะมาก มากๆๆๆๆๆๆ มาจากไหน

ใครเค้าจะซื้อบริการอะไรจากgoogle ตั้งมากมาย

เห็นแต่ให้ใช้ฟรีๆเต็มไปหมด

กลยุทธหลักที่ Googleยึดถือในการทำการตลาดออนไลน์

ที่เราควรเอาเป็นแบบอย่างด้วย คือ

หลักการในแนวคิดที่ว่า

” ในโลกออนไลน์ ผู้ที่ยิ่งให้จะยิ่งได้ “

Guru ด้านการตลาดออนไลน์ พูดตรงกันในเรื่องนี้ที่ว่า ยิ่งให้จะยิ่งได้

ในการเขียนBlog ,Blogger ต้องเน้นการให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านเป็นสำคัญ

ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ได้พิสูจน์แล้วว่าจริง

1.Google แทบจะให้เราได้ใช้ทุกอย่างแบบฟรี จนเมื่อเราชอบมากอยากจะใช้เยอะขึ้นทีนี้เราต้องจ่ายเงินนะ เช่น เช่าพื้นที่เยอะขึ้นใน Google Drive

จ่ายเงินเพื่อพื้นที่เยอะขึ้นใน GMAIL ใน Google Keep เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงรายได้รองของอากู๋เกิ้ล / Google

2.รายได้หลักของ Google มาจากค่าโฆษณา

 สิ่งที่เด่นทีสุดของ Google คือ ช่องสี่เหลี่ยมให้ค้นหา อยากรู้อะไรอยากได้อะไรพิมพ์ลงในช่องค้นหา แม้แต่เด็กประถมยังทำเป็น

เช่นเราอยากรู้ว่า Tablet ในทุกวันนี้ ราคาเป็นอย่างไร มีช่วงราคาหลากหลายตามรุ่นและยี่ห้ออย่างไรบ้าง น่าจะได้ลองใช้อยู่ไหมในช่วงนี้

จึงไปพิมพ์ในช่องค้นหาว่า “Tablet ราคา”

ผลการค้นหาจะขึ้นมา เรียงหน้าจากบนลงล่างและอีกหน้าหน้าของ Google

ผู้ใช้ Happy

ได้ใช้งานฟรีและตอบสนองผู้ใช้ได้แบบฟรี ใครก็ใช้กัน ใช้กันทั่วโลก

ทีนี้หากคุณทฎธุรกิจ มีร้านขายสินค้าเช่น ขาย Tablet บางรุ่น บางยี่ห้ออยู่ในมือและอยากจะขาย

สิ่งต้นๆที่คุรต้งการคือ มีคนเข้ามาที่ลิงค์หน้าสินค้าหรือลิงค์หน้าร้าน หรืออาจรวมถึงได้เห็นข้อมูลสินค้าจนสามารถตัดสินใจซื้อได้ในที่สุด

คือลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อเสร็จแล้วตั้งแต่ที่บ้าน ที่เหลือเพียงแค่มาซื้อที่ร้านหรือสะดวกไปกว่านั้นคือ ลูกค้าทำการสั่งซื้อออนไลน์แบบเก็บเงินปลายทาง

นี่มันโลกยุคหูทิพย์ตาทิพย์ชัดๆ

คิดอยากได้อะไรจักต้องได้

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการมีรายได้ของGoogleล่ะ

จะเฉลยละนะ

รายได้ของ Google มาจาก Google Adwords

อย่างกรณีนี้ นักธุรกิจท่านนี้มีสินค้า หลายรายการ หนึ่งในนั้นคือ Tablet

อยากทำโฆษณา(Ads.)ให้ขายได้

จะลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ในหน้ากลางของฉบับที่นิยมสูง ราคาค่าโฆษณาตากราว

สามแสน-สี่แสนบาท จ่ายครั้งเดียวจบ ที่ผ่านมาฟังจากคนที่เคยลงได้ความว่า

ผลตอบรับดีเข้าถึงผู้อ่านเยอะมาก

 หรือ กับอีกทางเลือกหนึ่ง

มาโฆษณากับ Google Adwords ด้วยงบประมาณ600บาทต่อวัน นาน 10วัน

งบประมาณตกราว 6,000 บาท จะไม่โฆษณาต่อหยุดได้เลยหรือจะต่อก็ทำได้ทันทั

เทียบกับเงิน สามถึงสี่แสนบาทจ่ายครั้งเดียว ดูจะคุ้มค่ากว่าและเห็นผลตรงเข้าหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่า

ปกติธรรมชาติลูกค้า ถ้าลองได้ ตัดสินใจSearch engine เพื่อ

เปรียบเทียบราคา เปรียบเทียบคุณสมบัติ จนพอใจได้ข้อสรุปแน่แล้ว

นั่นแสดงว่า ได้ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อกว่า60% แน่แล้ว

บวกกบถ้ามีงบประมาณอยู่ในกระเป่าพอด้วยแล้ว 100%คือซื้อแล้วแน่แท้

ดูเป็นการปิดการขายผ่านการตัดสินใจจากลูกค้าฝ่ายเดียวถึง 90%

ที่เหลือ 10% คือ จะถูกไปเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นแวดล้อม สเปคดีราคาสวย

จบแล้วขายได้

ปิดการขาย

ผู้ขายเพียงมีข้อมูลอยู่ใน internet .ห้ลูกค้าได้มาพบ มาสั่งซื้อออนไลน์

สงครามการค้ายุคนี้ คือ สงครามข้อมูลข่าวสาร แบบหนึ่งเหมือนกัน

มองในแง่นักธุรกิจขาย Tablet

ย่อมต้องอยากให้ผลการค้นหาขึ้นที่อันดับแรกๆจากผลการค้นหาขอ’ Google

จึงยอมจ่ายเงินค่าโฆษณา ซื้อ Keyword เช่น คำว่า “Tablet “,” Tablet ราคา”

ประมูลกันใครให้ราคาค่า Keyword คำนี้สูงกว่าจะได้ขึ้นอันดับต้นๆก่อน

คนใช้งน Google เป็นหมื่นล้านคนทั่วโลก มีคนลง Ads กับ Google แค่ 1 ล้านคน

เฉลี่ยลงแค่ตัวเลขกลมคนล่ะ 1,000 บท/คน/คีเวิร์ดเดียว ลงโฆษณานาน 10 วัน

เป็นเงิน 10,000 บาทต่อคนสำหรับแค่ดีเวิร์ดคำเดียวในเวลา 10 วัน

เงิน 10,000 บาทต่อคนสำหรับแค่ดีเวิร์ดคำเดียวคือเงินที่ Google จะได้รับ ในเวลา 10 วัน

นักธุรกิจ

นักธุรกิจผู้ลงโฆษณา หนึ่งพันบาท x 10วัน(คือเงินหนึ่งหมื่นบาท)ดูจะไม่มากมายเท่าไร

หากขายสินค้าได้กำไรชิ้นละ สามพันบาทหากขายได้เพียง สี่ชิ้นก็พ้นจุดคุ้มทุนแล้ว

เงินหนึ่งหมื่นบาทมองในแง่นักธุรกิจ ว่าคุ้มค่ามาก จ่ายถูกแต่ได้ผลตรงเข้าหา

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตรงๆกว่า

ในส่วนของ Google มองว่าเงินหนึ่งหมื่นบาท จาก 1คนนั้นไม่มากมายอะไร

แต่ผู้ลงโฆษณา คือนักธุรกิจจากคนทั่วโลก

ถ้าลงโฆษณาเป็นตัวเลขกลมๆคนล่ะ หนึ่งหมื่นบาท

ถ้าลงโฆษณา 1 ล้านคนแค่ Keywordเดียว (คูณหนึ่งหมื่นบาท)

ถ้าลงโฆษณา 10 ล้านคนแค่ Keywordเดียว (คูณหนึ่งหมื่นบาท)

ถ้าลงโฆษณา 100 ล้านคนแค่ Keywordเดียว (คูณหนึ่งหมื่นบาท)

เงินมากมายแค่ไหน?

นี้คือรายได้หลักของ Google

“ ยิ่งให้คุณจะยิ่งได้ ” คือปรัชญาการทำเงินในยุคออนไลน์

บทเสริม

ถ้าเราเป็น Blogger เขียน Blog ในเรื่อง Nicheใดๆซักเรื่องหนึ่ง เช่นว่า เรื่องการดูแลสุขภาพ การลดนำ้หนักที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล มุ่งเน้นว่าจะให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านให้มากที่สุด และวาง Affiliate link เพื่อสร้างรายได้จากการรับค่านายหน้าออนไลน?ลงไปในBlogของเราด้วย

นี่จะเป็นช่องทางการทำเงินออนไลน์ที่ทำเงินออนไลน์ได้ดี จากช่องว่างการทำการตลาดออนไลน์ที่ทำเงินได้ดี ที่มีอิสระในการทำงานมากทีสุดทางหนึ่ง

คือ เราสามารถไปทำงานจากที่ส่วนไหนของโลกได้ตราบเท่าที่ ที่แห่งนั้นสามารถเข้า Internet ได้

ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องมีลูกน้อง

มีแต่คู่ค้าที่เป็นหุ้นส่วนกันทางออนไลน์ แบ่งหน้าที่กัน ผู้ขายมีสินค้า จัดส่งและเก็บเงิน

เราทำหน้าที่ทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พาลูกค้าเป้าหมายเข้าไปซื้อสินค้า เราได้ค่าแนะนำ หรือที่เรียกกันว่า ค่านายหน้าแบบออนไลน์

ส่วน ค่านายหน้าในโลกออฟไลน์ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็ได้แก่นายหน้าค้าที่ดิน แนะนำลูกค้าไปวื้อที่กับ เจ้าของที่ เจ้าของที่ขายที่ดินได้สำเร็จ เราจะได้รับค่านายหน้าตามที่ได้ตกลงกัน

Blogger อย่างเราๆไม่จำเป็นต้องมีสินค้าเป็นของตนเอง

เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาเราไม่ต้องแพคของไม่ต้องส่งของให้ลูกค้า ไม่ต้องรับ Complain ใดๆจากลูกค้า

ไม่ต้องมีแม้บริการหลังการขายใดๆ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ขายเท่านั้นไม่ใช่เรา

หน้าที่เราอย่างเดียวคือ ทำการตลาดออนไลน์ โดยนำพากลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปพบกับผู้ขายสนค้า

จากนั้นรับผลตอบแทนเป็นค่านายหน้าออนไลน์

อีกครั้ง

หน้าที่เราเรียนรู้และทำการตลาดออนไลน์ให้เป็น ที่ Watcharapong.net มีบันทึกการทำการตลาดรับค่านายหน้าแบบออนไลน์ที่ได้เรียนรู้มาบันทึกไว้และเผยแพร่(แบ่งปัน)ออกไป

เมื่อเรานำเอา Affiliate link จาก Lazzada,Shopee หรือจากที่อื่นๆมาวางไว้ใน Blog ของเรา

เมื่อมีผู้อ่านของเราเกิดเห็นดีเห็นงามตรงใจกับสินค้า (สินค้าช่วยแก้ปัญหาให้กับเค้าได้)ที่เราแนะนำ

จากนั้นลูกค้าคลิกผ่านลิงค์ของเรานี้เข้าไปสั่งซื้อสินค้าชิ้นนั้น ราคาสินค้าคือราคาเดิมๆตามปกติไม่ได้บวกค่านายหน้าให้สูขึ้นแต่อย่างใด

หลังจากการขายสินค้าสำเร็จลง

คือมีการรับสินค้าและจ่ายเงินค่าสินค้าแล้ว ระบบจบันทึกค่านายหน้าออนไลน์เก็บไว้ให้เราและจะจ่ายเงินให้แก่เราต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น

สินค้าชินหนึ่งราคา 130 บาท ตกลงกันว่าจะให้ค่านายหน้า คือ 3 % หรือ 3.9 บาทต่อสินค้าหนึ่งชิ้น

ในหนึ่งเดือน

ถ้ามีลูกค้าคลิกผ่าน Affiliate link ของเราเข้าไปซื้อ 10คน เรารับค่านายหน้าออนไลน์ 39 บ.

ถ้ามีลูกค้าคลิกผ่าน Affiliate link ของเราเข้าไปซื้อ 100คน เรารับค่านายหน้าออนไลน์ 390 บ.

ถ้ามีลูกค้าคลิกผ่าน Affiliate link ของเราเข้าไปซื้อ 1,000คน เรารับค่านายหน้าออนไลน์ 3,900 บ.จาก 1 สินค้า เท่านั้น

ตัวอย่าง Blogger เมืองนอก เขียนเกี่ยวกับการไปเที่ยวแบบกางเต้น ใน National Park ใน อเมริกา เขียนเกี่ยวกับการเที่ยวป่า การตั้งแค้มป์ การท่องเที่ยวแบบแคมปิงค์ จนมีผู้ติดตามอ่านมากมาย จากนั้นจึงนำเอา AffIliate link จากเว็บ Amazon ของสินค้า จำพวก เต้นท์ หม้อสนาม อาหารกระป๋อง กระติกน้ำและอุปกร์แคมปิงค์อื่นๆ ใาวางไว้ใน Blog ของเขา

จะเห็นว่า ผู้อ่านคือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้า ประมาณนี้แน่ๆ สินค้ามีราคาตั้งแต่ ลักร้อยไปจนถึงหลักหลายพันบาท

ผู้อ่าน 1,000 คนต่อวัน มีแค่ 1%ที่สั่งซื้อสินค้าผ่านAffiliate link คือ 10 คน รับเงิน 390 บาทต่อวัน

หรือ 11,700 บาทต่่อเดือน (ในที่นี้แค่…จากสินค้ารายการเดียว)

พอได้อยู่นะ

-ขอบคุณสำหรับการติดตามและกลับเข้ามาอีกครั้ง-

 watcharapong.net

=============

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *