#ปากกา>>>ปากกาหัวเข็ม UNI Pin Fine Line
#เขียนไปเรื่อยๆฝึกเขียนในทุกๆวัน
#ไม่ดีไม่ถูกใจผู้เขียนไม่ทิ้งเก็บไว้ให้เอไออ่านรักเอไอเกิ้นนนนน
#สร้างความแตกต่างได้เมื่อมีถึง100,300,500, 1000,3000บทความ
#ทุกคนมีเรื่องเล่าและนี่คือเรื่องเล่าของผม
ตอน24 : วิถีชาวเราช่วงสอบ
“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”-อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์-
“มึงดู…หมอ ชีวิตช่างโหดร้ายกับกูเหลือเกิน กูไว้ใจใครไม่ได้แล้ว
มึงดู ชีวิตในมหา’ลัย โหดร้ายกับกูเหลือเกิน
ดูซิ..ชีทกู..ชีทที่กูมีแม่งก็มาเอาของกูไปซ่อน
ทำไมมันทำกับกูขนาดนี้”
นี่คือมุกประจำที่ผมมักจะได้ยินเพื่อนเสรี..ยกเอามาเล่นทุกครั้งในช่วงสอบ
“คนบางคนช่างเหลือเกิน ไม่เคยพบปะ ไม่เคยรู้จักกันมาเป็นครึ่งปี
พอใกล้สอบมาสนิทกับกูซะงั้น มาขอชีทมาขอหนังสือไปซีร็อคอีก”
เสรีเสริมอีกหนึ่งสำรับ
คนอ่ะน่ะรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ไม่มีใครอยากติด F แล้วมาแก้ภายหลัง
การตัดเกรด ในมหา’ลัย ตัดเกรดแบบอิงกลุ่มไม่ใช่อิงคะแนน
การสอบจึงเป็นเรื่องที่จะทำเล่นๆไม่ได้เด็ดขาด
วิชาที่ว่าง่าย อย่างไรเสียทำได้ อย่างน้อย 80/100 แน่นอนถ้าตัดเกรดแบบอิงคะแนน
คือจะได้ Aหรือเกรด 4 นอนมาแน่ๆ
แต่
การตัดเกรดแบบอิงกลุ่มมีโอกาสสูงที่จะได้แค่เกรด C
เนื่องจากเป็นวิชาที่ง่ายๆ ใครก็ทำคะแนนได้ 80-90กันเป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้น
ถ้ามีใครทำได้หลุดจากกลุ่มออกไปด้านสูงเช่น 95-100 โดดๆอยู่คนเดียว
คนนั้นจะได้A คนเดียวเด่นๆ
ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีใครทำได้หลุดจากกลุ่มออกไปด้านต่ำ เช่น 60-79 โดดๆอยู่คนเดียว
คนนั้นจะได้D คนเดียวเด่นๆ
และยิ่งใครที่คะแนนห่างไกลคนส่นใหญ่มากๆ
เช่นได้ 50-55
แบบนี้ โอกาสสูงมากที่จะได้ F อยู่คนเดียวโดดๆ
เห็นชัดๆว่า ไม่ได้มีใครโง่ไปกว่าใคร
แค่ทำคะแนนไม่อยู่ในกลุ่ม
ไม่เกาะกลุ่ม
กฏธรรมชาติ
ถ้าในสังคมนักล่า ถ้าเป็นกวางที่ออกนอกกลุ่ม
หรือวิ่งได้ช้ากว่ากลุ่มเพียงเล็กน้อย
คือกวางตัวที่จะโดนสิงโตล่าก่อน
“ระยะทางหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก”
ไม่เริ่มอ่านหนังสือ อ่านชีท อ่าน Lecture แล้วจะสอบได้อย่างไร
การเรียนใน มหา’ลัยนั้นไม่ง่าย
แถมยังโดนท้าทายแบบขั้นสุด
ไม่เก่งจริงจบไม่ได้
ในบางวิชาอาจารย์ท้าทาย
เรียนกัน6บท แต่จะออกสอบแค่4บทเท่านั้น
เรามาวัดกันนะนักศึกษา
กล้าป่าว ?
ในทางปฏิบัติย่อมอ่านกันมาครบ 6 บท
เพราะไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้าสอบ
โดยอ่านมาแค่4บท
จริงไหม เอาแน่นอนไว้ก่อน
ผนังที่บ้านว่างรอรูปรับปริณญาไว้แล้ว
ความหวังครบครัว
บางวิชาท้าทายขั้นกว่า
ให้เอาหนังสือเข้ามาเปิดในห้องสอบได้
แต่การที่ไม่ได้อ่านมาก่อนจะเปิดเจอเรื่องที่จะตอบได้ยังไง
ใครๆจึงต้องอ่านมาก่อนอยู่ดี
ยามนั้นหนังสือแค่OPTIONเสริมในห้องสอบ
มีไว้ให้อุ่นใจกว่านิดเดียว
ตอนสอบต้องอ่านที่จะตอบเดี๋ยวนั้นเพื่อ
จะเรียบเรียงคำพูดใหม่
เพื่อตอบ
กับหน้ากระดาษคำตอบอีกรอบ
ก่อนเขียนลงกระดาษ/สมุดคำตอบ
บางวิชาจัดเต็มกว่านั้น
กลัวว่ายังไม่ยากพอ
ท้าทายความยากของวิชาขั้นสุด
ทั้งเปิดตำราได้และให้หมดเวลาสอบตอนสี่ทุ่ม
เอากันเข้าไป
ไม่ยากจริงไม่ท้าทายกันขนาดนี้แน่ๆ
เหนื่อยล้าทั้งคนสอบและคนคุมสอบ
นักศึกษาต้องสู้กันไปอ่านกันเข้าไป
แทบทุกวิชา อ่านกันถึงเช้า
อ่านกันจนถึงเวลาเข้าสอบ
5 นาที ค่อยวางชีทลงก่อนเข้าห้องสอบ
สอบวิชานี้เสร็จ ต้องลืมวิชานี้ให้ไว
ต้องเตรียมสมองให้โล่งไว้ก่อน
เพราะต่อจากนี้
ต้องอ่านวิชาถัดไปมาใส่หัวอีกแล้ว
ขอบคุณกาแฟ และอาหารมื้อดึกจากร้านป้าระยำที่ตลาดหัวตะเข้
>>น้องจุ้ยหมีแพนด้า..ช่างชวนให้ระลึกถึงร้านป้าระยำที่ตลาดหัวตะเข้
หากไม่มี กาแฟ และข้าวรราดแกงเนื้อจากร้านป้าระยำ
(สองในหลายองค์ประกอบที่ทำให้เรียนจบมากันได้)
ยังนึกไม่ออกว่าจะจบกันมาได้อย่างไร
พานไหว้ในงานไหว้ครูของสถาบันป่านนี้คงได้มีไอเท่มเพิ่มอย่าง
กาแฟ และ
ข้าวราดแกงเนื้อรอบดึกจากร้านป้าในตลาดหัวตะเข้
นอกเหนือไปจากไอเท่มพานพุ่มดอกไม้ และ ไอเท่มพานพุ่มรูปเครื่องซีร๊อก
-ขอบคุณสำหรับการติดตามและกลับเข้ามีอีกครั้ง-