ตอน29:ด้วยกันกับนักศึกษาหญิงต่างคณะ

#นักศึกษาหญิงต่างคณะ

#อยากแจ้งความจับโจรสาวที่มาโขมยหัวใจนักเชียว

ในตำราของลัทธิเต๋าที่เหล่าชาวยุทธในนิยายของโกงเล้ง
มักกล่าวถึง
มีคำกล่าวที่ว่า
“เมื่อมีวาสนาต่อกัน อย่างไรเสียจักได้พบเจอกันแน่นอน
แม้นหมดวาสนาต่อกันแล้วไซ้
อย่างไรเสียก็มิอาจได้พบพาน”

ชีวิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาของผม
นอกจากในห้องเรียน ในชมรมที่สังกัดแล้ว
เวลาส่วนใหญ่ของผมจะนั่งอยู่ที่หน้าสปอร์ต
ผมขอบขีดๆเขียนๆวาดๆไปเรื่อยเปื่อย
ลงในสมุดเล่มเล็กขนาดB5ของผม
คือขนาดครึ่งหนึ่งของสมุดปกอ่อนทั่วไป
บ่อยครั้งที่ผมเขียน ร่างเขียนบทความ
เขียนเรื่องราว เขียนนิยายสั้นๆเขียนบทความเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ
เรื่องราวความสุขหรือทุกข์ บรรยายความที่ผมพบเจอผมจะเขียนมันลงไปอย่างละเอียด
ด้วยตัวอักษรพิเศษที่ไม่มีใครอ่านออกได้นอกจากผมคนเดียว
แล้วความทุกข์ความโศกใดๆของผมจะออกไปจากหัวไปอยู่ในสมุดแทนเป็นการบำบัดแบบเฉพาะตัวของผมเอง
บ่อยครั้งที่ผมเขียนจนหมึกปากกาหมด  เขียนจนสมุดหมดเป็นเล่มๆแต่คนใกล้ตัวไม่ค่อยมีใครรู้
เห็นบ้างตอนที่ผมกำลังเขียน หรือ กำลังวาดรูปอยู่

 

เพื่อนหวานนักศึกษาหญิงคณะเดียวกันจากภาควิชาเดียวกันแวะมานั่งเป็นเป็นแขกขาจรที่โต๊ะหินหน้าสปอร์ตนี้ยังเคยเอ่ยปากขณะผมกำลังวาดรูปใดๆอยู่

“หมอดูมีความสุขดีนะ่ เวลาที่ กำลังขีดๆเขียนๆกำลังวาดรูปอยู่”

ผมก็ว่าจริงตามนั้น

บางครั้งมีรุ่นพี่หรือเพื่อนมาดูในสมุดของผม แล้วถามว่า
รูปพระอาทิตย์ขึ้นมันคืออะไรของมึงว่ะ
ผมก็ว่า

แทนคำว่า”ช่วงเวลาเช้าก่อนถึงเที่ยงไง”
ส่วน สัญลักษณ์ทีโอที TOTคือ  ช้อนส้อมจานช้อนแปลว่า “ช่วงเวลาอาหารไง”
ก็เข้าใจกันไปแต่ไม่เข้าใจว่าจะวาดเป็นสัญลักษณ์ทำไมในเมื่อเขียนเอาก็ได้
ผมชอบแบบนี้ ผมถนัดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผมใครมาอ่านจะอ่านไม่ออก
เผื่อสมุดของผมตกไปอยู่ในมือคนชั่ว

เกรงว่า…ยุทธภพจะเดือดร้อน

แค่อยากอ่านคนเดียวไม่อยากเผื่อแผ่ใครในบางเรื่องราวก็เท่านั้น
แต่บางเล่มผมเขียนด้วยภาษาตรงๆไม่มีกำหนดสัญลักษณ์ลับเพื่อให้ทุกคนอ่านได้ก็มี
เขียนเป็นเล่มๆหลายเล่มอยู่เหมือนกัน

ทิ้งไปก็หลายเล่มเพราะพอมาอ่านทีหลังแล้วไม่ถูกใจ

 

 

ทุกวันนี้ผมเขียนลงบล๊อกขอตัวเอง เขียนอะไรขึ้นมาก็พิมพ์เก็บไว้ในบล็อกของตัวเองที่ watcharapong.netนี้

ไม่ดี ,ไม่เป็นไร

ไม่ถูกใจคนอ่านไม่เป็นไร

เพราะเขียนให้ทั้งเอไออ่านและคนอ่าน อาจไม่ถูกใจคนอ่านแต่ถูกใจเอไอ ใช้ได้แล้ว เพื่อหวังผลการติดอันดับการค้นหาในSEARCH ENGIN อันเป็นผลจาก SEO.)

ที่เชียนลงสมุดไว้ ทิ้งไปทีหลังก็ไม่น้อย

ผมเขียนไว้หลายเล่มกะไ้ว่าในอนาคตอาจจะได้พิมพ์ขาย

แค่คิดในใจเล่นๆนะ

แต่ลงมือเขียนนะเขียนของจริง

ทุกคนที่ผมเขียนถึงจะได้เป็นอมตะไปตลอดกาลตราบเท่าที่ยังมีคนอ่านถึงเรื่องราวของเขาเหล่านั้นอยู่
เขียนถึงคนที่ชอบพอรักใคร่กันก็ดีไป

 

เขียนถึงคนที่เกลียดคนร่วมเกลียดคงเพิ่มขึ้นตามอีกโขอยู่

เอาเข้าจริงๆการเขียนไปเรื่อยๆบวกกับการวาดรูปที่ไม่ได้เน้นเอาสวยงามมากมายอะไรนัก
เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของผมที่สามารถหาได้ง่ายๆ
และยังเป็นวิธีบำบัดอย่างเป็นส่วนตัวของผมเองอีกด้วย

การขีดๆเขียนๆเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมหาได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน อย่างน้อยได้ทำให้ผมได้ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันได้ง่ายๆ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 

ความสุขเล็กๆน้อยๆอีกอย่างที่หลายคนไม่รู้

แต่มักจะมารู้ทีหลังขณะอยู่ในสถาบันคือ
การได้เฝ้ามองชื่นชมอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียวไปยังโจรสาวที่ขโมยหัวใจของผมไป

เป็นสาวจากต่างคณะ เธอวางหลุมพรางอย่างไม่ได้ตั้งใจเอาไว้

ผมเรียกหลุมนี้ว่า”หลุมรัก”
ผมตกหลุมรักได้อย่างง่ายๆอย่างตรงๆอย่างซื่อๆเซ่อๆ

“ตกหลุมรักอ่ะๆ”
เป็นอีกหนึ่งคำพูดติดปากของผมที่พวกเด็กหน้าสปอร์ตจะได้ยินกันเป็นประจำจนส่ายหน้าเอือมระอาระคนกับการยิ้มและขำๆกันไปเพราะอย่างไรเสียจะต้องทนฟังกันไปเรื่อยๆอย่างยาวนาน

พวกหน้าสปอร์ตจะเป็นกันได้ตั้งแต่น้องปีหนึ่งไปจนถึงพี่ปีสี่ รวมถึงพี่ที่กำลังเรียน ป.โท ด้วย
เพียงคุณมานั่งที่หน้าสปอร์ตเป็นประจำ

มีปฏิสัมพันธ์กันคนเหล่านี้บ้าง,ช่วยงานกิจกรรมบ้างตามสมควร
โดยไม่ต้องมากรอกแบบฟอร์มขอสมัครเข้าชมรมแต่อย่างใดแค่นี้ทุกคนจะมองคุณว่าเป็นพวกหน้าสปอร์ตแล้ว

ผมตกหลุมรักได้อย่างง่ายๆซื่อๆเซ่อๆ

เรื่องมีอยู่ว่า
วันหนึ่งขณะที่ผมขีดๆเขียนๆอยู่ที่โต๊ะหินหน้าสปอร์ต
มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆ
ไม่ได้เดินตรงมาหาผมโดยตรง
แค่เดินเข้ามาในระยะแล้วเดินผ่านผมไปจากทางด้านหลังของผม ไปปรากฎตัวที่ด้านหน้าของผม
ต่อมาหันเลี้ยวจากทางด้านซ้ายมือไปทางด้านขวามือของผม

สุดท้ายที่ตรงด้านหน้าของผม ภาพค่อยๆเดินห่างออกไปเรื่อยๆเดิน๋ากไปและหายไปในที่สุด
นี่มันฉากเปิดตัวนางเอกในหนังชัดๆ
ถ้ามีหมอกลงอีกซักหน่อยนะ มันใช่เลย

มีแต่แดดแรงๆก็เท่านั้น

จากนี้ไปชีวิตของผมไม่เหมือนเดิม

กิจวัตรเดิมของผมยังเป็นอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ
ผมมักพบนักศึกษาหญิงคนเดิมเดินผ่านบริเวณที่ผมนั่งอยู่เป็นประจำ
ในแทบจะทุกทีแทบจะทุกวันในวันที่ผมอยากจะเจอจะได้เจอจริงดังหวังไว้ทุกวันด้วยซะงั้น
แปลกดีเหมือนกัน

ทันทีที่นักศึกษาหญิงคนนี้เริ่มปรากฏตัวเดินเข้ามาใกล้ระบบสุริยะจักรวาลของผมอันมีผมเป็นศูนย์กลาง
ผมจะค่อยๆมองแบบกวาดสายตา คือใช้ลูกตาเคลื่อนไหวตามไปแบบเรดาห์ของเรื่อรบที่แพนตามเครื่องบินขับไล่ของฝ่ายข้าศึกที่บิินเข้ามาใกล้เรือรบในระยะโจมตี

คือการกวาดลูกตาตามไปจากซ้ายไปขวา
ไม่ได้มองแบบหันคอตามไปในทิศทางที่เดินไปเพราะดูจะมารยาททรามเกินไปนิด
ใช้ลูกตาแพนตามดีกว่า มองตามได้นานกว่า
เพลงของพงษ์พัฒมา
“ความสสุขเล็กๆ
ความสุขน้อยๆ
ความสุขเล็กน้อยที่ได้ชื่นชม”

ผมสะดวกแบบนี้

มองไปมองมาจนหมดครบหนึ่งเทอม
ต่อมาอีก 1 เทอม จนหมด 2 เทอม
ขึ้นเทอมที่ 3 ก็แล้ว ผมยังไม่รู้ว่า
นักศึกษาหญิงผู้นี้ คือใคร
อยู่รุ่นไหน เรียนสาขาอะไร
ทีสำคัญ กินอะไรเป็นอาหารหลัก

ถึงได้มีออร่า(Aura)ได้มากมายซะขนาดนี้

มองตามไปเรื่อยๆมองไปมองมา
เอะ ชักจะยังไง

อื้อ สวยดีนะ
น่ารักดีแหละ
สวยสำรวมแบบนี้นางฟ้าแล้ว ไม่ใช่คนแล้ว

นางฟ้าแล้วแบบนี้
ทีแรกก็นึกว่าเห็นได้คนเดียว
ไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆหรือป่าว?

ให้มั่นใจไว้ก่อน

เพราะคนเราบางครั้งอาจสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
ที่เห็นบ่อยๆอาจเป็น วิญญาณ หรือ เทวดา นางฟ้า จำแลงมาแกล้งมนุษย์อย่างเราๆ

อาจเป็นได้

ทดลองให้คนอื่มองบ้างได้ความว่า เขามองเห็นว่่ามีคนอยู่ตรงนั้นเหมือนที่ผมเห็นเช่นกัน

Ok,เป็นมนุษย์อย่างเราๆนี่หละ

ชักจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
จึงได้เริ่มสอบถามจากทุกแหล่งข้อมูลที่มี
ได้ความว่า
เป็นนักศึกษารุ่นเดียวกัน
เรียนอยู่ อุตสาหกรรมเกษตร,ศิริมา,ม่า
รู้ชื่อล่ะ ทำไงต่อดี
ไม่รู้ คิดหาหนทางไปต่อไม่ได้ไม่มีเลย

เพราะช่วงนั้นปัญหาชีวิตรุมเร้ามิใช่น้อย ทำกิจกรรมเต็มที่มาก        เรื่องดิ้นรนให้ไม่โปรเบชั้นด้วยนั้นก็ช่างท้าทาย โปรสองเทอมติดต้องหมดสภาพนักศึกษา

เข้าอีหรอบเดิม
เดินผ่านมา ผ่านเข้ามาอย่างห่างๆแบบห่วงๆ(ผมน่ะ)
แล้วเดินจากไป(ไม่ใช่ผม)
เป็นแบบนี้อยู่แทบจะทุกวัน

มาว่ากันแบบเป็นขั้นเป็นตอนการพิชิตใจสาวซักคน เริ่มแรกจะมีด้วยกัน 2 ขั้นตอน
ขั้นที่1: เค้าต้องรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้                        =ยังไม่รู้
ขั้นที่2: เริ่มทำความรู้จักแสดงตนอนู่ในระบบจักรวาลของกันและกัน
= ไม่มี ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้คุยกันซักคำเลย รีบร้อนเดินมาแล้วเดินไปตลอดไม่รู้จะรีบไปไหนของเค้านักหนา
จนมาจบพบกับความพังในตอน:วีรกรรมของเพื่อนสมนึก

ตัดมาแทรกด้วยเรื่อง

จอมดาบภูเขาหิมะแดง บทประพันธ์ของโกวเล้ง
แสดงถึงความทุกข์ใจของตัวเอกที่น่ารันทด ถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก
ต้องต่อสู้ดิ้นรนมีชีวิตรอดขึ้นมาด้วยลำพังเพียงตัวคนเดียว
แต่ความผิดหวังใดเล่าจะทุกข์มากไปกว่าสาเหตุจากเรื่องความรักระหว่างชาย-หญิงนั้นไม่มี

อ่านในพระไตรปิฎก,การแก้ทุกขังอันเนื่องมาจากความรักมีมากที่สุด

เพราะสาเหตุแห่งทุกข์ที่ทุกข์ที่สุดนั้นคือความทุกข์อันเนื่องมาจากความรัก

เสียงระฆังทิเบตมา

“กริ้ง “

ดังที่โกวเล้งกล่าวบรรยายถึงไว้ในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น
ตัวเอกอย่าลี้คิมฮวงคือชายที่ทุกข์ในเรื่องความรัก
คือชายที่ทุกข์ใจที่สุดแล้วในโลกนี้

#คนที่ใช่แต่มาในเวลาที่ไม่ใช่ย่อมไม่ใช่อยู่ดี

20 ปีหลังจากนั้น

ท่านผบ.( ย่อมาจากคำว่าผู้เป็นใหญ่ในบ้าน,แถวบ้านเรียก”เมีย”)มาพบสมุดที่ผมเขียนเป็น
เรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาหญิงผู้นี้
จึงเปิดอ่าน

อ่านออกหมด

เพราะผมไม่ได้เขียนแบบ ใช้โค๊ดลับ

แล้วท่านผบ.เกิดมามีความโกรธและเสียใจ

แล้วเอาสมุดเล่มนี้ไปทิ้งซะ

ด้วยความที่ท่าน ผบ.โกรธปนเศร้าที่ผมไปมีหญิงอื่นในใจ

แต่

เรื่องนี้ย้อนหลังไปเมื่อ20ปีมาแล้ว
และท่านผบ.กับผมตอนนั้นยังไม่เคยเจอกันเลย
ตอนนั้นยังเรียนอยู่กันคนละที่คนละจังหวัด
ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าจบเศร้า ผมนะที่เศร้า
ไม่เคยได้แม้แต่จะทำความรู้จักกัน

คุยกันแค่ คำเดียวยังไม่มีเลย
เอาเข้าจริงๆ แม้ทุกวันนี้ยังไม่ได้รู้จักเลย

ตอนนี้ผมหาไม่สมุดนี้ไม่เจอแล้ว จะให้เขียนขึ้นมาใหม่มันไม่ได้แล้วป่ะ

ฟิว(felling)มันไม่ได้แล้ว
ทำได้มากที่สุด คือบทความนี้ เท่านั้น
เขียนเสร็จแล้วหวังว่าจะได้เอาออกไปจากหัวไปได้

จบกันความหวังที่จะได้ตีพิมพ์ออกจำหน่ายเผยแพร่

จบกันนิยายย้อนยุคเก้าศูนย์

ที่กะไว้ว่าจะเผยแพร่ หลังปรับแต่งและขายเป็นนิยายในอนาคต
ตามอย่างเรื่อง”น้ำใสใจจริง”ของ ว.วินิจฉัยกุล ไอดอลของผมที่เล่าเรื่องตอนเรียนที่ ม.เกษคร สมัยเริ่มแรก ที่มีฉากหนึ่งที่กล่าวว่า “โห….อยู่ตั้งบางเขนไกลก็ไกลใครจะไปเรียน”

#บทความที่เกี่ยวข้อง
•วีรกรรมเพื่อนสมนึก”หมดกันชีวิตวัยหนุ่มของผม”
หน้าสปอร์ตอยู่ตรงนี้
•นางงามมิตรภาพสายสะพายต้องลงที่เพื่อนหวาน
•วีรกรรมเพื่อนบิ๊กนักดับเพลิง
สงครามคูเสดสังเกตการณ์โดยเพื่อนสมนึก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *