#นักศึกษาหญิงต่างคณะ
#อยากแจ้งความจับโจรสาวที่มาโขมยหัวใจนักเชียว
ในตำราของลัทธิเต๋าที่เหล่าชาวยุทธในนิยายของโกงเล้ง
มักกล่าวถึง
มีคำกล่าวที่ว่า
“เมื่อมีวาสนาต่อกัน อย่างไรเสียจักได้พบเจอกันแน่นอน
แม้นหมดวาสนาต่อกันแล้วไซ้
อย่างไรเสียก็มิอาจได้พบพาน”
ชีวิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาของผม
นอกจากในห้องเรียน ในชมรมที่สังกัดแล้ว
เวลาส่วนใหญ่ของผมจะนั่งอยู่ที่หน้าสปอร์ต
ผมขอบขีดๆเขียนๆวาดๆไปเรื่อยเปื่อย
ลงในสมุดเล่มเล็กขนาดB5ของผม
คือขนาดครึ่งหนึ่งของสมุดปกอ่อนทั่วไป
บ่อยครั้งที่ผมเขียน ร่างเขียนบทความ
เขียนเรื่องราว เขียนนิยายสั้นๆเขียนบทความเรื่อยเปื่อย
ไปเรื่อยๆ
เรื่องราวความสุขหรือทุกข์ บรรยายความที่ผมพบเจอผมจะเขียนมันลงไปอย่างละเอียด
ด้วยตัวอักษรพิเศษที่ไม่มีใครอ่านออกได้นอกจากผมคนเดียว
แล้วความทุกข์ความโศกใดๆของผมจะออกไปจากหัวไปอยู่ในสมุดแทนเป็นการบำบัดแบบเฉพาะตัวของผมเอง
บ่อยครั้งที่ผมเขียนจนหมึกปากกาหมด เขียนจนสมุดหมดเป็นเล่มๆแต่คนใกล้ตัวไม่ค่อยมีใครรู้
เห็นบ้างตอนที่ผมกำลังเขียน หรือ กำลังวาดรูปอยู่
เพื่อนหวานนักศึกษาหญิงคณะเดียวกันจากภาควิชาเดียวกันแวะมานั่งเป็นเป็นแขกขาจรที่โต๊ะหินหน้าสปอร์ตนี้ยังเคยเอ่ยปากขณะผมกำลังวาดรูปใดๆอยู่
“หมอดูมีความสุขดีนะ่ เวลาที่ กำลังขีดๆเขียนๆกำลังวาดรูปอยู่”
ผมก็ว่าจริงตามนั้น
บางครั้งมีรุ่นพี่หรือเพื่อนมาดูในสมุดของผม แล้วถามว่า
รูปพระอาทิตย์ขึ้นมันคืออะไรของมึงว่ะ
ผมก็ว่า
แทนคำว่า”ช่วงเวลาเช้าก่อนถึงเที่ยงไง”
ส่วน สัญลักษณ์ทีโอที TOTคือ ช้อนส้อมจานช้อนแปลว่า “ช่วงเวลาอาหารไง”
ก็เข้าใจกันไปแต่ไม่เข้าใจว่าจะวาดเป็นสัญลักษณ์ทำไมในเมื่อเขียนเอาก็ได้
ผมชอบแบบนี้ ผมถนัดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผมใครมาอ่านจะอ่านไม่ออก
เผื่อสมุดของผมตกไปอยู่ในมือคนชั่ว
เกรงว่า…ยุทธภพจะเดือดร้อน
แค่อยากอ่านคนเดียวไม่อยากเผื่อแผ่ใครในบางเรื่องราวก็เท่านั้น
แต่บางเล่มผมเขียนด้วยภาษาตรงๆไม่มีกำหนดสัญลักษณ์ลับเพื่อให้ทุกคนอ่านได้ก็มี
เขียนเป็นเล่มๆหลายเล่มอยู่เหมือนกัน
ทิ้งไปก็หลายเล่มเพราะพอมาอ่านทีหลังแล้วไม่ถูกใจ
ทุกวันนี้ผมเขียนลงบล๊อกขอตัวเอง เขียนอะไรขึ้นมาก็พิมพ์เก็บไว้ในบล็อกของตัวเองที่ watcharapong.netนี้
ไม่ดี ,ไม่เป็นไร
ไม่ถูกใจคนอ่านไม่เป็นไร
เพราะเขียนให้ทั้งเอไออ่านและคนอ่าน อาจไม่ถูกใจคนอ่านแต่ถูกใจเอไอ ใช้ได้แล้ว เพื่อหวังผลการติดอันดับการค้นหาในSEARCH ENGIN อันเป็นผลจาก SEO.)
ที่เชียนลงสมุดไว้ ทิ้งไปทีหลังก็ไม่น้อย
ผมเขียนไว้หลายเล่มกะไ้ว่าในอนาคตอาจจะได้พิมพ์ขาย
แค่คิดในใจเล่นๆนะ
แต่ลงมือเขียนนะเขียนของจริง
ทุกคนที่ผมเขียนถึงจะได้เป็นอมตะไปตลอดกาลตราบเท่าที่ยังมีคนอ่านถึงเรื่องราวของเขาเหล่านั้นอยู่
เขียนถึงคนที่ชอบพอรักใคร่กันก็ดีไป
เขียนถึงคนที่เกลียดคนร่วมเกลียดคงเพิ่มขึ้นตามอีกโขอยู่
เอาเข้าจริงๆการเขียนไปเรื่อยๆบวกกับการวาดรูปที่ไม่ได้เน้นเอาสวยงามมากมายอะไรนัก
เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของผมที่สามารถหาได้ง่ายๆ
และยังเป็นวิธีบำบัดอย่างเป็นส่วนตัวของผมเองอีกด้วย
การขีดๆเขียนๆเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมหาได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน อย่างน้อยได้ทำให้ผมได้ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันได้ง่ายๆ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง